วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แตงโต ที่เพียบพร้อมไปด้วยสารอาหาร


แตงโม ผลไม้ลูกกลมโต เปลือกนอกสีเขียวเข้มหรือมีลายสีเขียวอ่อนพาดตามยาว เนื้อในฉ่ำน้ำ รสหวานหอม มีเมล็ดสีดำเล็ก ๆ  แทรกอยู่ตามแนวแกนกลาง เนื้อในมีทั้งพันธุ์สีแดงและสีเหลือง แตงโมเป็นผลไม้ที่เหมาะกับเมืองร้อนอย่างบ้านเรา เพราะช่วยดับกระหายคลายร้อนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่สูงถึงร้อยละ 92 เหมาะกับชื่อภาษาอังกฤษว่า “Watermelon”

เนื้อแตงโมมีเบตาแคโรทีนและวิตามินซีสูง ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันป้องกันการติดเชื้อ บำรุงสายตาและผิวพรรณ มีสารไลโคพีน ซึ่งเป็นรงควุตถุที่ทำให้ผักผลไม้มีสีแดง ไลโคพีนนี้จะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้เป็นอย่างดี
ที่น่าสังเกตคือในแตงโมเนื้อสีแดงและสีเหลืองมีปริมาณของเบตาแคโรทีนและไลโคพีนแตกต่างกันมาก โดยแตงโมเนื้อสีแดง 1 ส่วน (170 กรัม) มีเบตาแคโรทีน 1,047 ไมโครกรัม ไลโคพีน 11,378 ไมโครกรัม ในขณะที่แตงโมเนื้อสีแดง 1 ส่วน (188 กรัม) มีเบตาแคโรทีนเพียง 10 ไมโครกรัม และไม่มีไลโคพีนเลย นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัยการเกษตรฯ แห่งสหรัฐอเมริกา ยังพบว่าแตงโมมีสารซิทรูลีน (Citrulline) ที่ร่างกายจะใช้สารนี้ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่กรดอะมิโนอาร์จินีน (Arginine) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของหลอดเลือด ส่งผลดีต่อระบบการไหลเวียนโลหิตช่วยกำจัดแอมโมเนียซึ่งเป็นของเสียจากการย่อยสลายโปรตีนออกจากร่างกาย และมีบทบาทต่อการแบ่งตัวของเซลล์ ช่วยรักษาบาดแผลให้หายเร็ว
เนื้อแตงโมยังมีสารสำคัญต่อร่างกายอีกหลายชนิด เช่น เส้นใยอาหาร โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส ขณะเดียวกันแตงโมก็ปราศจากไขมัน มีแคลอรีและโซเดียมต่ำ จึงเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก สำหรับผู้ป่วยโรคไตที่ต้องจำกัดปริมาณน้ำควรหลีกเลี่ยงการกินแตงโม หรือแม้แต่ผู้มีสภาพร่างกายปกติก็ไม่ควรกินแตงโมมากเกินไป เพราะน้ำปริมาณมากจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะเจือจางลง ก่อให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อยหรือท้องเสียได้
ส่วนอื่น ๆ ของแตงโมก็มีประโยชน์โดดเด่นไม่แพ้กัน เปลือกแตงโมช่วยลดอาการระคายเคืองจากการถูกแดดเผาได้ โดยการนำไปแช่เย็นแล้วแปะลงบนผิวบริเวณนั้น เมล็ดแตงโมอบหรือเมล็ด “ก๋วยจี๊” ในภาษาจีน เป็นของขบเคี้ยวที่ใครหลายคนติดใจ ส่วนประโยชน์ที่จะได้รับมากกว่าความหวานมัน คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต แมกนีเซียม สังกะสี เหล็ก รวมถึงแคลเซียมด้วย
เกษตกรจะเก็บผลผลิตแตงโมเมื่อขั้วผลเริ่มเหี่ยวยุบลง ผิวแตงกร้าน และมือเกาะใกล้ขั้วแห้ง สำหรับคนซื้อมีวิธีเลือกง่าย ๆ เพื่อให้ได้แตงโมคุณภาพดี โดยการดีดหรือตบเบา ๆ แล้วฟังเสียง เสียงกังวานแสดงว่าแตงโมอ่อน เสียงผสมระหว่างกังวานและทึบแสดงว่าแก่พอดี ถ้าเสียงทึบอย่างเดียวบ่งบอกว่าแก่เกินไปหรือที่เรียกว่า “ไส้ล้ม” การเก็บรักษาควรเก็บแตงโมทั้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง จะช่วยให้มีปริมาณสารเบตาแคโรทีนและไลโคพีนสูงกว่าผ่าทิ้งไว้ ส่วนใครชอบกินแบบผ่าแล้วแช่เย็น ก็ควรใช้พลาสติกห่ออาหารหุ้มไว้ก่อนนำเข้าตู้เย็น เพื่อป้องกันการระเหยของน้ำแตงโม และป้องกันแตงโมดูดกลิ่นอื่นในตู้เย็นจนทำให้เสียรสชาติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น